โรคเบาหวานเป็นความผิดปกติของกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหรือสูงกว่าปกติ
รู้จักโรคเบาหวาน: ภัยเงียบที่ป้องกันได้
◉ โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus)
โรคเบาหวานเป็นความผิดปกติของกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหรือสูงกว่าปกติ เกิดจากความผิดปกติของอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่ออินซูลินไม่เพียงพอหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ น้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้นและส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว
◉ ประเภทของโรคเบาหวาน:
เบาหวานชนิดที่ 1: เบาหวานแบบพึ่งพาอินซูลิน (Insulin-dependent diabetes mellitus) เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ที่ผลิตอินซูลินในตับอ่อน มักพบในเด็กและวัยรุ่น
เบาหวานชนิดที่ 2: เบาหวานแบบไม่พึ่งพาอินซูลิน (Non-Insulin-dependent diabetes mellitus) เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน ร่วมกับความบกพร่องในการผลิตอินซูลิน มักพบในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน
เบาหวานขณะตั้งครรภ์: เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์และมักหายไปหลังคลอด แต่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต
◉ อาการของโรคเบาหวาน:
➢ ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน ➢ กระหายน้ำมาก กระหายน้ำบ่อย ➢ หิวบ่อย กินจุ ➢ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ ➢ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ➢ สายตาพร่ามัว ➢ แผลหายยาก หายช้า ➢ ชาตามปลายมือปลายเท้า ➢ ติดเชื้อง่าย
◉ ปัจจัยเสี่ยง:
➢ อายุมากขึ้น ➢ น้ำหนักเกินหรืออ้วน ➢ ขาดการออกกำลังกาย ➢ มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน ➢ ความดันโลหิตสูง ➢ ไขมันในเลือดสูง
◉ ภาวะแทรกซ้อน:
ภาวะเบาหวานจะทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ตีบลง และเสียหาย หากไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่างๆ มากมาย เช่น
➢ โรคหัวใจและหลอดเลือด มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจสูง มากกว่า 70% ของผู้ป่วยเบาหวานตาย เนื่องจากโรคหลอดเลือดหัวใจ
➢ โรคไต ไตเสื่อม อาจเกิดภาวะไตวาย เนื่องจากไตทำงานหนัก
➢ โรคประสาท การทำงานของระบบประสาทเสื่อม เช่น มือ เท้าชา สมรรถภาพทางเพศลดลง
➢ โรคตา จอตาเสื่อม อาจทำให้ตาบอด
➢ มักเป็นแผลเรื้อรัง รักษาหายยาก เช่น แผลที่เท้าและอาจต้องตัดเท้า
◉ การป้องกันและดูแลตัวเอง:
➢ ควบคุมอาหาร: เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารหวาน มัน และแปรรูป
➢ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ
➢ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
➢ พักผ่อนให้เพียงพอ
➢ ควบคุมน้ำหนัก: ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
➢ ตรวจสุขภาพและระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ
➢ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รับประทานยา หรือฉีดยาตามแพทย์สั่ง
◉ คำแนะนำเพิ่มเติม:
✔️ หากมีอาการที่สงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
✔️ การดูแลสุขภาพที่ดีและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเหมาะสม สามารถช่วยลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
✔️ เพื่อสุขภาพที่ดีของท่าน อย่าลืมใส่ใจดูแลสุขภาพของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่มีคุณภาพในวันหน้า ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรคเบาหวาน
✨ เราสามารถดูแลสุขภาพ ป้องกัน ลดความเสี่ยงให้ห่างไกลโรคเบาหวาน ได้ด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทางเลือกหนึ่งที่อาจช่วยดูแลสุขภาพของคุณและคนที่คุณรักได้...▼👀▼
✔️เจียวกู่หลาน (JIAOGULAN 250) ✔️เห็ดหลินจือ (LING ZHI) ✔️ขิง (Ginger-C) ✔️สารสกัดจากใบบัวบก (GOTULA C-E) ✔️ลูทีน ซีแซนทีน (LZvit Plus A / LZvit 3X) ✔️โคลีนและวิตามิน บี (Choline Bitartrate&Vitamin B) / (โคลีน บี Choline-B) ✔️สารสกัดจากขมิ้นชัน (Turmeric) / (Curcuma C-E) ✔️ทับทิม (GRANADA) ✔️สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (GRAPE C-E / Grape C-E Maxx) ✔️มะรุม (Marum-C) ✔️ถั่งเช่า (CHONG CAO / CHONG CAO-W) ✔️น้ำมันงาขี้ม่อน น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ โพลิโคซานอล (Cosanol Multi Plant Omega 3 Oil) ✔️ALA ทางเลือกในการเสริมโอเมก้า 3 จากพืช 5 ชนิด (ALA Multi Plants Omega 3 Plus) ✔️ไบโอ ซี วิตามินซีที่ทุกคนควรมีติดบ้าน (Bio C 1000 mg) ✔️แมกนีเซียม [Bio Magnesium Plus] ✔️เอช เอ็ม บี (Garlicine)
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ได้มีเจตนาเพื่อใช้ในการวินิจฉัยหรือรักษาโรค ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสำหรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล